นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเผยว่า บรรยากาศในตลาดการเงินยังคงถูกกดดันโดยความกังวลแนวโน้มเฟดเร่งใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้ง การขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% และ การเร่งปรับลดงบดุล (QT) ในการประชุมเดือนพฤษภาคม นอกจากนี้ ความกังวลปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่การเจรจาสันติภาพยังไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติมและแนวโน้มบรรดาประเทศฝั่งตะวันตกอาจเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียก็ทำให้ผู้เล่นในตลาดไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก และเน้นกลยุทธ์ Defensive โดยเลือกที่จะถือสินทรัพย์ปลอดภัย อาทิ เงินดอลลาร์ ทองคำ หรือ หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรม Defensive และมีผลกำไรที่ชัดเจน อาทิ กลุ่ม Healthcare เป็นต้น
โดยในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ความกังวลการเร่งใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดของเฟดได้กดดันให้ตลาดปรับตัวลงแรงในช่วงแรก ก่อนที่ผู้เล่นบางส่วนจะกลับมา buy on dip หุ้นที่ปรับตัวลงแรง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคฯ ทำให้ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq สามารถปิดตลาด +0.06% ขณะเดียวกัน แรงซื้อหุ้นกลุ่ม Defensive อาทิ Healthcare (Pfizer +4.3%, Abbott +2.9%) ก็มีส่วนช่วยหนุนให้ ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นราว 0.43% ทั้งนี้ แรงซื้อ Buy on Dip หุ้นกลุ่มเทคฯ อาจสะท้อนว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วนมองว่า นโยบายการเงินของเฟดอาจไม่ได้ตึงตัวไปมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ณ ปัจจุบัน ทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มกลับมาสนใจแนวโน้มผลประกอบการของหุ้นเทคฯ ที่จะทยอยประกาศออกมา และกล้าที่จะ buy on dip หุ้นเทคฯ ขนาดใหญ่ ที่มีลักษณะเป็นหุ้น Quality Growth มากขึ้น
ส่วนในฝั่งยุโรป ดัชนี STOXX50 ของยุโรป ย่อตัวลง -0.59% จากความกังวลสถานการณ์สงครามและการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังไม่มีความคืบหน้ามากขึ้น ทำให้ผู้เล่นในตลาดเลือกที่จะลดการถือครองหุ้นในกลุ่ม Cyclical อาทิ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย Louis Vuitton -1.9%, Kering -1.6% กลุ่มการเงิน BNP Paribas -1.6% เป็นต้น
ขณะที่ทางด้านฝั่งตลาดบอนด์ แนวโน้มเฟดเร่งใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะการเร่งลดงบดุล (QT) ได้ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 2.64% ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบกว่า 3 ปี สอดคล้องกับมุมมองของเราที่มองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้ หลังตลาดกลับมารับรู้การเร่งลดงบดุลของเฟดในระยะถัดไปมากขึ้น ซึ่งเราประเมินว่า ในไตรมาสที่ 2 มีโอกาสที่จะเห็นบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 2.75% และหากตลาดเลิกกังวลปัญหาสงครามและกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ก็มีโอกาสที่จะเห็นบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ พุ่งขึ้นใกล้ระดับ 2.90% ในไตรมาสที่ 3
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 99.84 จุด หนุนโดยความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลสถานการณ์สงครามและความไม่แน่นอนของการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน รวมถึงแนวโน้มเฟดเร่งใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งนี้ ความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อหลบความผันผวนในตลาดการเงิน ยังช่วยหนุนให้ ราคาทองคำสามารถทรงตัวเหนือระดับ 1,930 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ แม้ว่า ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ จะปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะติดตามแนวโน้มสถานการณ์สงคราม ความคืบหน้าการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน รวมถึงแนวโน้มการประกาศมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียเพิ่มเติม ซึ่ง เรามองว่า ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ดังกล่าวจะยังกดดันบรรยากาศในตลาดการเงินต่อได้ในช่วงนี้
นอกจากนี้ ในช่วงวันหยุด ตลาดจะจับตา การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในรอบแรก ซึ่งคาดว่าจะเป็นการแข่งขันอย่างสูสีระหว่างประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง กับผู้ท้าชิง มารีน เลอ แปน ที่มีผลโพลเพิ่มสูงขึ้นในระยะหลังและตามหลังผลโพลของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ราว 5%
โดยแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทยังคงผันผวนในกรอบ Sideways ต่อ โดยมีปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่ามาจากทิศทางของเงินดอลลาร์ที่ยังแข็งค่าขึ้นจากแนวโน้มเฟดเร่งใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดและความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยในระยะสั้น นอกจากนี้ ควรจับตาฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติในฝั่งหุ้นที่อาจเริ่มทยอยขายทำกำไรหุ้นไทยในระยะสั้นได้ แต่เรามองว่า ฟันด์โฟลว์ในฝั่งบอนด์อาจยังเป็นฝั่งซื้อสุทธิอยู่ ซึ่งอาจช่วยหนุนไม่ให้เงินบาทอาจอ่อนค่าไปมากได้
นอกจากนี้ เราเริ่มเห็นผู้ส่งออกทยอยขายเงินดอลลาร์ในช่วงโซน 33.50-33.60 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้หากตลาดไม่ได้อยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงไปมาก อาทิ ตลาดกังวลปัญหาสงครามและมาตรการคว่ำบาตร จนราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นหนัก เงินบาทก็อาจไม่ได้เผชิญแรงกดดันจนอ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าวได้ง่าย
ทั้งนี้ ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง เราแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ ใช้ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.40-33.60 บาท/ดอลลาร์
อ้างอิง
https://siamrath.co.th/economy