“พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น” โชว์ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปีนี้แข็งแกร่ง กวาดรายได้รวมอยู่ที่ 3,257.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.99% และมีกำไรสุทธิ 226.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.43% จากปีก่อน หลังขายสินค้าสวิตช์เกียร์ให้ลูกค้าเอกชนเพิ่มขึ้น และงานโครงการจัดหาพร้อมติดตั้งอุปกรณ์ Hardware และ Software ระบบศูนย์สั่งการจ่ายไฟ และสัญญาจ้างจัดหาพร้อมติดตั้งอุปกรณ์ Feeder Device Interface (FDI) และอุปกรณ์วิทยุสื่อสาร หนุนมาร์จิ้นดี

นายกิตติ สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (PCC) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,257.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.99% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 2,468.09 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 226.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.43% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 132.66 ล้านบาท

สาเหตุหลักที่รายได้เว็บหวยออนไลน์ ถูกกฎหมาย บาทละ 1000 เชื่อถือได้เติบโตมาจากการขายสินค้าสวิตช์เกียร์ให้ลูกค้าเอกชนเพิ่มขึ้น และจากงานโครงการจัดหาพร้อมติดตั้งอุปกรณ์ Hardware และ Software ระบบศูนย์สั่งการจ่ายไฟ และสัญญาจ้างจัดหาพร้อมติดตั้งอุปกรณ์ Feeder Device Interface (FDI) และอุปกรณ์วิทยุสื่อสาร

“ผลประกอบการของบริษัทฯ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องมาจากรายได้รวมที่เพิ่มสูงขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นของรายได้จากการให้บริการและโครงการก่อสร้างที่สูงขึ้น” นายกิตติ กล่าว

ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3/2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,530.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.82% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 969.81 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 91.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.63% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 52.52 ล้านบาท

นายกิตติ กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มรายได้ในปี 2565 คาดว่าน่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อนที่ทำได้ 3,639 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ของงานโครงการก่อสร้างและงานขายสินค้าที่ยังไม่ส่งมอบ ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 อยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีการรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 900 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในปีถัดไป นอกจากนี้ ยังมีงานที่อยู่ระหว่างการประมูลอีกหลายโครงการ ซึ่งหากได้รับงานเพิ่มเข้ามาจะสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวถึงความคืบหน้าโรงงานผลิตหม้อแปลง และตู้ควบคุมไฟฟ้า ในประเทศกัมพูชา ว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ได้ในต้นปี 2566 ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถเริ่มรับรู้รายได้จากประเทศกัมพูชาเข้ามาตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป โดยตั้งเป้าสร้างรายได้ปีละ 100 ล้านบาท